อาการของโรคหัวใจ เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ หากสังเกตเห็นความผิดปกติ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือใจสั่น ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันที เพราะการตรวจพบและดูแลอย่างทันท่วงทีสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ
โรคหัวใจ คืออะไร?
โรคหัวใจ คือภาวะความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างหรือการทำงานของหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ หรือระบบไฟฟ้าควบคุมจังหวะการเต้น หัวใจมีหน้าที่หลักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ความผิดปกติใด ๆ ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ โรคหัวใจมีหลายชนิด เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งแต่ละประเภทมีระดับความรุนแรงและอาการแตกต่างกัน
อาการที่พบบ่อยของโรคหัวใจ
แม้โรคหัวใจจะมีหลายประเภท แต่ก็มีอาการบางอย่างที่พบได้บ่อยและควรเฝ้าระวัง การสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคหัวใจช่วยให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว อาการของโรคหัวใจทั่วไปที่ควรใส่ใจ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือมีอาการบวมตามร่างกาย
อาการเจ็บหน้าอก
เจ็บแน่นหน้าอกเป็นอาการที่มักสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยอาจรู้สึกแน่นเหมือนมีของหนักกดทับบริเวณกลางอก และอาจร้าวไปที่กราม แขนซ้าย หรือหลัง อาการนี้มักเกิดขณะออกแรงหรือเครียด และอาจดีขึ้นเมื่อพัก หากอาการเป็นมากหรือเกิดขณะอยู่เฉย ควรรีบพบแพทย์ทันที
อาการหายใจลำบาก
ภาวะหายใจติดขัดหรือหอบเหนื่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณของหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้หมอนหนุนสูงขณะนอน หรือมีอาการเหนื่อยจนต้องตื่นกลางดึก การหายใจลำบากอาจเกิดจากของเหลวคั่งในปอด ซึ่งเป็นผลจากการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ
อาการอาการบวม
เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เพียงพอ ร่างกายอาจเกิดการคั่งของของเหลว ทำให้เกิดอาการบวม โดยเฉพาะบริเวณขา ข้อเท้า หรือช่องท้อง อาการบวมมักพบในผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง การสังเกตน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่ง
อาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
การอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก อาจเกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดและออกซิเจนไปยังร่างกายได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกหมดแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอาการโรคหัวใจที่พบได้บ่อย
อาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาการใจสั่นหรือรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรง หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Atrial Fibrillation หรือ Ventricular Tachycardia บางรายอาจมีอาการวิงเวียนหรือหน้ามืดร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นสัญญาณโรคหัวใจที่ต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
อาการเฉพาะของโรคหัวใจแต่ละประเภท
แม้อาการของโรคหัวใจทั่วไปจะพบบ่อย แต่บางโรคก็มีอาการเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งหากสามารถแยกแยะได้จะช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำยิ่งขึ้น อาการโรคหัวใจเฉพาะเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งหรือระบบที่ได้รับผลกระทบ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจ ระบบไฟฟ้าหัวใจ หรือหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ การสังเกตสัญญาณโรคหัวใจเฉพาะทางสามารถนำไปสู่การรักษาหัวใจอย่างตรงจุดและทันท่วงที
ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอกลักษณะเหมือนถูกกดทับหรือแน่นอก โดยเฉพาะขณะออกแรงหรือเครียด อาการอาจร้าวไปที่ไหล่ซ้าย แขนซ้าย กราม หรือหลัง ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม และอาจมีเหงื่อออกผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณโรคหัวใจที่สำคัญ
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาการอาจรวมถึงใจสั่น หน้ามืด วิงเวียน หรือเป็นลมหมดสติ หัวใจอาจเต้นเร็วหรือช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ภาวะนี้อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจรักษา อาจเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันได้
โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
ในระยะแรกผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ แต่เมื่อโรครุนแรงขึ้นจะรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจลำบากเมื่อนอนราบ มีอาการบวมที่ขาและเท้า ร่วมกับใจสั่นหรือหมดสติ โรคกล้ามเนื้อหัวใจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดของหัวใจโดยตรง
ภาวะหัวใจล้มเหลว
หัวใจล้มเหลวเกิดเมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายเกิดการคั่งของของเหลว ผู้ป่วยมักมีอาการหายใจลำบาก เหนื่อยง่าย นอนราบไม่ได้ ขาบวม ท้องอืด และไอเรื้อรังร่วมด้วย เป็นอาการของโรคหัวใจที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง
หัวใจวายเฉียบพลัน
มักมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงนานเกิน 20 นาที อาจร้าวไปที่แขน คอ หรือหลัง ร่วมกับเหงื่อออกมาก คลื่นไส้ และหายใจลำบาก อาการนี้เกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาทันที อาจเสียชีวิตได้
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
มักพบในเด็กหรือทารกแรกเกิด อาการที่พบได้แก่ เหนื่อยง่าย ตัวเขียวที่ริมฝีปากและปลายเล็บ หายใจเร็ว น้ำหนักตัวขึ้นช้า และบวมบริเวณดวงตาหรือท้อง หากไม่ได้รับการผ่าตัดหรือรักษาเฉพาะทางตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจส่งผลต่อพัฒนาการในระยะยาว
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
อาการเด่นคือเจ็บหน้าอกลักษณะแปล๊บ ๆ โดยเฉพาะเวลาหายใจเข้า หรือนอนราบ มักดีขึ้นเมื่อโน้มตัวไปข้างหน้า อาจมีไข้ต่ำ เหนื่อยง่าย หายใจติดขัด และหัวใจเต้นเร็ว ภาวะนี้เกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบในชั้นเยื่อหุ้มหัวใจ
โรคหัวใจ มีสาเหตุของเกิดจากอะไร?
โรคหัวใจสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย โดยบางปัจจัยสามารถควบคุมได้ และบางปัจจัยเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเข้าใจถึงสาเหตุของโรคหัวใจจะช่วยให้สามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง และลดความเสี่ยงโรคหัวใจในระยะยาว
- อายุที่มากขึ้น
- เพศชายมีความเสี่ยงสูงกว่าหญิง โดยเฉพาะก่อนวัยหมดประจำเดือน
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
- การสูบบุหรี่เป็นประจำ
- ความดันโลหิตสูง
- เบาหวาน
- ระดับคอเลสเตอรอลสูง
- โรคอ้วนและน้ำหนักเกินมาตรฐาน
- ขาดการออกกำลังกาย
- ความเครียดเรื้อรัง
- อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโซเดียมสูง
- ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น โรคเหงือกอักเสบ
โรคหัวใจ มีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัวใจอาจมีความรุนแรงและส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมแต่เนิ่น ๆ ภาวะเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะอันตรายที่ส่งผลต่อชีวิตได้ การทำความเข้าใจภาวะแทรกซ้อนจึงช่วยให้สามารถป้องกันและเฝ้าระวังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ภาวะหัวใจล้มเหลว: หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดการคั่งของของเหลวในปอดและอวัยวะอื่น ๆ
- หัวใจวายเฉียบพลัน: เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดฉับพลัน อาจทำให้เสียชีวิตทันที
- โรคหลอดเลือดสมอง: เกิดจากลิ่มเลือดจากหัวใจอุดตันในสมอง ทำให้สมองขาดเลือดเฉียบพลัน
- หลอดเลือดแดงโป่งพอง: หากโป่งพองจนแตกจะทำให้เลือดออกภายในอย่างรวดเร็ว
- โรคหลอดเลือดส่วนปลาย: เลือดไหลเวียนไม่เพียงพอ ทำให้ปวดแขนขา หรือเนื้อเยื่อตาย
- ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน: หัวใจหยุดเต้นโดยไม่ทันตั้งตัว หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันทีอาจเสียชีวิตได้
สามารถป้องกันโรคหัวใจ อย่างไรได้บ้าง?
แม้บางปัจจัยเสี่ยงจะควบคุมไม่ได้ แต่ยังมีอีกหลายแนวทางที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ หากดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีวินัย การป้องกันถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพระยะยาวและลดภาระในการรักษาหัวใจในอนาคต
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง
- ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ลดระดับคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำตาลในเลือด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- รับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโซเดียมต่ำ
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ลดความเครียดด้วยกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ หรือเล่นกีฬา
- ดูแลสุขภาพช่องปาก ป้องกันการอักเสบที่อาจส่งผลต่อหัวใจ
การวินิจฉัยโรคหัวใจ
การวินิจฉัยที่ถูกต้องและแม่นยำเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาโรคหัวใจ โดยแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และเลือกการตรวจเฉพาะทางที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย เพื่อให้เข้าใจกลไกของโรค และวางแผนการรักษาได้ตรงจุด
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG): ตรวจจับความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ
- การตรวจด้วย Holter Monitor: บันทึกการเต้นของหัวใจตลอด 24-72 ชั่วโมง
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram): ตรวจโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ
- การตรวจด้วย Stress Test: ประเมินการทำงานของหัวใจขณะออกแรงหรือเมื่อหัวใจถูกกระตุ้นด้วยยา
- การสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization): ตรวจหลอดเลือดหัวใจโดยตรงผ่านสายสวน
- การทำ CT Scan หัวใจ: ตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจอย่างละเอียด
การรักษาโรคหัวใจ มีวิธีไหนบ้าง?
แนวทางในการรักษาโรคหัวใจจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ความรุนแรง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งอาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกับการใช้ยา หรือในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้หัตถการหรือการผ่าตัด โดยแพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ประเมินและกำหนดวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละราย
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ลดความเครียด และควบคุมโรคประจำตัว
- การใช้ยา: เช่น ยาลดความดัน ยาลดไขมัน ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- การขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนและขดลวด (PCI)
- การเปลี่ยนลิ้นหัวใจ หรือใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวน
- การจี้ไฟฟ้าหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยคลื่นความถี่สูง
- การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าอัตโนมัติ (ICD)
- การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (CABG)
- การบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ (Cardiac Rehabilitation): เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและลดความเสี่ยงโรคหัวใจซ้ำ
หากต้องการรักษาโรคหัวใจ ทำไมต้องใช้บริการ CR Heart Center?
CR Heart Center เป็นศูนย์บริการทางการแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ ที่ให้บริการแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง การตรวจวินิจฉัยเชิงลึก ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ พร้อมทั้งร่วมมือกับโรงพยาบาลพันธมิตรที่มีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทุกขั้นตอนมีความปลอดภัย ความแม่นยำ และการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตในระยะยาว
สรุป
อาการของโรคหัวใจ อาจเริ่มจากสัญญาณที่ดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากไม่ใส่ใจอาจนำไปสู่ภาวะที่เป็นอันตรายได้ การสังเกตอาการโรคหัวใจอย่างสม่ำเสมอ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรืออาการเหนื่อยง่าย เป็นการป้องกันโรคหัวใจอย่างหนึ่ง หากคุณหรือคนใกล้ชิดเริ่มมีสัญญาณโรคหัวใจ ควรเข้ารับการตรวจที่ศูนย์หัวใจโดยเร็ว CR Heart Center พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาหัวใจโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงในระยะยาว