กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เกิดจากอะไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง?

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เกิดจากอะไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง?
สารบัญ

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ถือเป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลถึงชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากภาวะนี้เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจอย่างเฉียบพลัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนขาดเลือดและตายลง บริการทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น CR Heart Center มีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างครบวงจรตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟูหัวใจในระยะยาว

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน คืออะไร?

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือที่รู้จักในชื่อทางการแพทย์ว่า Myocardial Infarction คือ ภาวะที่เกิดจากการอุดตันอย่างเฉียบพลันของหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่ได้รับออกซิเจนและตายลงในที่สุด ภาวะนี้มักเกิดจากคราบไขมันที่สะสมในผนังหลอดเลือดจนเกิดการแตกและกระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่พบในผู้ป่วยจำนวนมาก การทำความเข้าใจว่า กล้ามเนื้อหัวใจตาย คือ อะไร จะช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและเข้ารับการดูแลอย่างทันท่วงที

กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีชนิดอะไรบ้าง?

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสามารถแบ่งออกเป็นหลายลักษณะตามความรุนแรงและลักษณะของอาการ ซึ่งแต่ละชนิดมีแนวทางการวินิจฉัยและการรักษาที่แตกต่างกัน โดยการจำแนกเหล่านี้ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

1. กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและรุนแรง มักเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจขาดเลือดในทันที อาการที่พบได้แก่เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หรือเหนื่อยหอบ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตในเวลาไม่นาน

2. กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง

เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบแคบลงเรื่อย ๆ จนเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ ผู้ป่วยมักมีอาการเมื่อออกแรงหรืออยู่ในภาวะเครียด อาการดีขึ้นเมื่อพัก การรักษาเน้นควบคุมปัจจัยเสี่ยงและใช้ยาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

3. กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบไม่มีอาการ

เป็นภาวะที่อันตรายเพราะไม่มีอาการเจ็บหน้าอกให้เตือน ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น อาจพบได้ในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือการตรวจสุขภาพโดยบังเอิญ พบมากในผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้สูงอายุ

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน สาเหตุเกิดจากอะไร?

สาเหตุของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมีหลายปัจจัย โดยปัจจัยหลักคือการอุดตันของหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงหัวใจจากลิ่มเลือดหรือการแตกของคราบไขมัน สาเหตุอื่น ๆ ยังเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยสุขภาพ

  • การสะสมของคราบไขมัน (Atherosclerosis) ที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ
  • การแตกของคราบไขมันจนเกิดลิ่มเลือดอุดตันเฉียบพลัน
  • ความดันโลหิตสูงที่ทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมเร็ว
  • ภาวะเบาหวานที่ส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ
  • สูบบุหรี่ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกาะตัวของลิ่มเลือด
  • คอเลสเตอรอลในเลือดสูง โดยเฉพาะ LDL ที่ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด
  • ความเครียดสะสมที่กระตุ้นการบีบตัวของหลอดเลือดหัวใจ

อาการที่พบบ่อยของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

อาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจเกิดขึ้นเฉียบพลันและรุนแรง โดยอาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะการรักษาแต่เนิ่น ๆ จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ

  • เจ็บแน่นกลางอก มักรู้สึกเหมือนถูกกดทับหรือบีบรัด
  • ปวดร้าวจากหน้าอกไปยังแขนซ้าย หลัง คอ หรือกราม
  • เหงื่อออกมากกว่าปกติแม้ไม่ได้ออกแรง
  • หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อยกะทันหัน
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
  • หน้ามืดหรือหมดสติในบางราย

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

กลุ่มเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมักมีปัจจัยพื้นฐานที่กระทบต่อหลอดเลือดและหัวใจโดยตรง ทั้งจากโรคประจำตัว พฤติกรรมส่วนบุคคล กรรมพันธุ์ และอายุ การระบุปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้ที่มีโรคประจำตัว

ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหลอดเลือดหรือระบบเผาผลาญ ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดภาวะนี้

  • โรคเบาหวาน: ทำลายผนังหลอดเลือดและเพิ่มความหนืดของเลือด
  • ความดันโลหิตสูง: ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • ไขมันในเลือดสูง: โดยเฉพาะ LDL สูงและ HDL ต่ำ
  • โรคอ้วน: เพิ่มภาระต่อหัวใจและส่งผลต่อการเผาผลาญไขมัน
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ: เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด

พฤติกรรมเสี่ยง

พฤติกรรมประจำวันบางอย่างเร่งให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจตายอาการรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

  • สูบบุหรี่: ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบแคบ
  • ดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด: รบกวนระบบควบคุมความดันโลหิต
  • ขาดการออกกำลังกาย: ส่งผลต่อสมรรถภาพหัวใจ
  • รับประทานอาหารไขมันสูง: ทำให้ระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ: กระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติและความดันเลือด

กรรมพันธุ์

พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญต่อความเสี่ยงของโรคหัวใจ แม้จะมีพฤติกรรมที่ดีแต่หากมีญาติสายตรงที่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อนก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ญาติสายตรงเคยเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันก่อนอายุ 55 (ชาย) หรือ 65 (หญิง)
  • มีพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาวะไขมันสูงแต่กำเนิด

ปัจจัยด้านอายุและเพศ

อายุและเพศมีผลต่อการเกิด Myocardial Infarction คือ พบว่าเพศชายมีแนวโน้มเกิดเร็วกว่าหญิง โดยเฉพาะช่วงวัยกลางคนขึ้นไป

  • เพศชาย > อายุ 45 ปี เริ่มมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • เพศหญิง > อายุ 55 ปี ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน
  • ผู้สูงอายุมีความเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจตามธรรมชาติ
  • ผู้หญิงที่มีโรคเบาหวานหรือความดันสูง เสี่ยงไม่แพ้ผู้ชาย

หากเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันต้องทำอย่างไร?

เมื่อเกิดอาการที่สงสัยว่าอาจเป็น กล้ามเนื้อหัวใจตายอาการเฉียบพลัน การดำเนินการอย่างถูกต้องภายในเวลาทอง 1–2 ชั่วโมงแรกจะมีผลอย่างยิ่งต่อการรอดชีวิตและฟื้นฟูหัวใจ

  • หยุดกิจกรรมทุกอย่างทันทีและนั่งหรือนอนพักในท่าที่สบาย
  • โทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์
  • ห้ามขับรถไปโรงพยาบาลเองโดยเด็ดขาด
  • หากมียากลุ่มไนโตรกลีเซอรีนภายใต้ลิ้นให้ใช้ทันที
  • ไม่ควรใช้ยาหรือสมุนไพรโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • หากหมดสติ ต้องเริ่ม CPR โดยผู้มีทักษะทันที

วิธีการวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

การวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โดยแพทย์จะใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อยืนยันภาวะนี้

  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ: เป็นการตรวจเบื้องต้นที่สำคัญ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที สามารถระบุความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าในกล้ามเนื้อหัวใจที่อาจเกิดจากการขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อตายได้ทันที
  • ตรวจเลือด: ใช้ตรวจระดับเอนไซม์ที่หลั่งออกมาจากกล้ามเนื้อหัวใจที่เสียหาย เช่น Troponin ซึ่งหากมีค่าที่สูงผิดปกติ บ่งชี้ถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
  • ตรวจอัลตราซาวนด์หัวใจ: ใช้ตรวจการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ดูว่าบริเวณใดไม่บีบตัวตามปกติ ซึ่งอาจเป็นผลจากการขาดเลือดหรือตายของกล้ามเนื้อหัวใจบางส่วน
  • ตรวจภาพหลอดเลือดหัวใจ: การฉีดสีและถ่ายภาพหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiogram) ใช้เพื่อดูว่ามีการตีบหรืออุดตันในหลอดเลือดตรงจุดใด เพื่อวางแผนรักษาเฉพาะจุด
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า: ใช้ในกรณีเฉพาะเพื่อประเมินความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจโดยละเอียด ช่วยในการวางแผนการรักษาระยะยาวหรือการผ่าตัด

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน รักษาวิธีไหนได้บ้าง?

การรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมีหลายแนวทางขึ้นอยู่กับความรุนแรง ระยะเวลาที่เกิดอาการ และตำแหน่งของหลอดเลือดที่อุดตัน โดยมีเป้าหมายหลักคือการคืนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจให้เร็วที่สุดเพื่อลดความเสียหาย ทั้งนี้การเลือกแนวทางรักษาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่นทีมแพทย์จาก CR Heart Center ที่มีประสบการณ์ด้านโรคหัวใจโดยตรง

การให้ยารักษา

การใช้ยาเป็นแนวทางพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้นของการเกิด Myocardial Infarction คือการเปิดหลอดเลือดและป้องกันลิ่มเลือดก่อตัวเพิ่ม

  • ยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolytic Agents): ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถทำบอลลูนได้ทันที
  • ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน และคลอพิโดเกรล: ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น เฮพาริน: ลดความเสี่ยงของลิ่มเลือดใหม่
  • ยาลดความดัน ยาลดไขมัน และเบต้า-บล็อกเกอร์: ช่วยควบคุมปัจจัยเสี่ยงระยะยาว

การรักษาด้วยหัตถการและการผ่าตัด

หากการให้ยาไม่เพียงพอ หรือผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤต การรักษาด้วยหัตถการเฉพาะทางหรือการผ่าตัดจะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยชีวิต

  • การทำบอลลูนขยายหลอดเลือด (PCI): ใช้สายสวนเปิดหลอดเลือดที่ตีบหรืออุดตัน
  • การใส่ขดลวด (Stent): รักษาไม่ให้หลอดเลือดตีบซ้ำหลังจากทำบอลลูน
  • การผ่าตัดบายพาส (CABG): ใช้หลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาทดแทนบริเวณที่อุดตัน
  • การใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจ (IABP หรือ ECMO): ในรายที่หัวใจอ่อนแรงอย่างมาก

วิธีการป้องกันการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

แม้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แต่สามารถป้องกันได้หากเริ่มจากการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง การควบคุมปัจจัยเสี่ยงร่วม เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมัน และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้การตรวจสุขภาพหัวใจประจำปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสเกิดเหตุฉุกเฉินซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ CR Heart Center ให้บริการตรวจและประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจอย่างครอบคลุม ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถป้องกันโรคได้ก่อนจะเกิดปัญหารุนแรง

สรุป

กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายถาวรหรือเสียชีวิต การรับรู้ อาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้น บริการของ CR Heart Center ครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัยเบื้องต้นจนถึงการรักษาขั้นสูงและการฟื้นฟูหัวใจในระยะยาว ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทันสมัย เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อย

สัญญาณเตือนโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดคืออาการใด?

สัญญาณเตือนของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอาจไม่รุนแรงแต่บ่งบอกถึงภาวะที่ต้องเฝ้าระวังและควรเข้ารับการตรวจหัวใจทันที

  • เจ็บแน่นหน้าอกขณะออกแรงหรือภายใต้ความเครียด
  • อาการเหนื่อยง่ายผิดปกติเมื่อออกกำลังกาย
  • หายใจไม่เต็มอิ่ม หรือรู้สึกหอบบ่อย
  • ใจสั่น หน้ามืด เวียนศีรษะขณะเปลี่ยนอิริยาบถ
  • เหงื่อออกมากในขณะพัก

กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแก้ยังไง?

การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจและลดความเสียหายในระยะยาว

  • ปรับพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนัก เลิกบุหรี่ ออกกำลังกาย
  • ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและความดันโลหิต
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง
  • พิจารณาการทำหัตถการ เช่น บอลลูน หรือบายพาส ในกรณีรุนแรง
  • ตรวจติดตามสุขภาพหัวใจสม่ำเสมอ

5 สัญญาณเตือนของโรคหัวใจขาดเลือดมีอะไรบ้าง?

สัญญาณที่ควรเฝ้าระวังและอาจบ่งชี้ถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย คือสภาพที่อาจใกล้เข้ามา ได้แก่:

  • เจ็บแน่นหน้าอกโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ร้าวไปที่แขนซ้ายหรือกราม
  • หายใจลำบากอย่างเฉียบพลัน
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือเหงื่อออกมาก
  • หมดสติหรือเกือบหมดสติขณะออกแรง

กล้ามเนื้อหัวใจตายเกิดจากอะไร?

การเข้าใจสาเหตุอย่างถูกต้องช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะร้ายแรง

  • คราบไขมันในหลอดเลือด (Plaque) แตกและเกิดลิ่มเลือด
  • ความดันสูงเรื้อรังทำลายผนังหลอดเลือด
  • เบาหวานและไขมันสูงส่งผลต่อผิวหลอดเลือด
  • การสูบบุหรี่เร่งการอุดตัน
  • ความเครียดสะสมหรือกระทบจิตใจรุนแรง

อาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมีอะไรบ้าง?

อาการของโรคนี้อาจคลุมเครือในบางราย โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้สูงอายุ แต่หากสังเกตได้ทันย่อมลดความเสี่ยงต่อ กล้ามเนื้อหัวใจตายอาการ รุนแรงได้

  • เจ็บหน้าอกแบบแน่นหรือบีบรัด
  • ร้าวไปบริเวณหลังหรือแขน
  • หายใจสั้น เหนื่อยง่ายผิดปกติ
  • เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย
  • หงุดหงิดง่ายจากภาวะออกซิเจนไม่พอ

บทความล่าสุด

หัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะ

ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะ คืออะไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง?

ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดจังหวะ เป็นความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจที่ทำให้เกิดจังหวะหัวใจเต้นเร็วเกิน 100 ครั้ง/นาที รักษาได้ด้วยยาต้านอารีทเมียและการใช้ไฟฟ้าช็อต

ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้ว

โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง?

โรคหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว เป็นภาวะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดจากการนำไฟฟ้าในหัวใจผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการใจสั่น ต้องรักษาด้วยยาควบคุมจังหวะหัวใจและป้องกันลิ่มเลือด

อาการเตือน ภาวะหลอดเลือดหัวใจหดเกร็ง

ภาวะหลอดเลือดหัวใจหดเกร็ง เกิดจากอะไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง?

หลอดเลือดหัวใจหดเกร็ง หรือ Coronary Artery Spasm สาเหตุจากการบีบตัวของผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง พร้อมวิธีการรักษาด้วยยาขยายหลอดเลือด